ขอนแก่น จับมือ มข.และเบทาโกร ส่งเสริมชุมชนปลูกผักปลอดสารพิษทั้งอำเภอป้อนตลาดคนรักสุขภาพ สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรนับหมื่นบาทต่อเดือน “ชินกร” ย้ำชัดปลูกตามหลักวิชาการ-ประกันราคารับซื้อ สูงสุดกิโลกรัมละ 100 บาท
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 20 ก.ย.2564 ที่โครงการผักแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผักปลอดสารพิษ ต.บ้านโต้น อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
นายชินกร แก่นคง นายอำเภอพระยืน จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการดำเนินงานโครงการผักแปลงใหญ่ ของเกษตรกรในพื้นที่ตามความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่นและ กลุ่ม บริษัท เบทาโกร จำกัด ที่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนการทำการเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่ตามหลักวิชาการและตามความต้องการของตลาดในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนำเสนอผลผลิตของตนเองที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตตามการรับซื้อของตลาดได้แล้ว
นายชินกร แก่นคง นายอำเภอพระยืน กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผักปลอดสารพิษ ต.บ้านโต้น ปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 40 คน ทำการปลูกผักปลอดสารพิษในพื้นที่สาธารณสะประโยชน์ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลบ้านโต้น จำนวน 18 ไร่ โดยเกษตรกรที่จะเข้ามาใช้ที่ดินดังกล่าวเพื่อทำการปลูกผักปลอดสารพิษนั้นจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการของกลุ่มและทำการปลูกผักปลอดสารพิษที่ไม่ซ้ำกับเกษตรกรรายอื่นที่ปลูกอยู่แล้ว ซึ่งในการทำเกษตรแปลงใหญ่นั้นคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายของ อ.พระยืน ทุกคนทำงานเป็นทีม และมีการนำหลักวิชาการทางการเกษตรจากเกษตรอำเภอ,มหาวิทยาลัยขอนแก่นและภาคเอกชน คือ เบทาโกร เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ คือการนำหลักวิชาการมาถ่ายทอดและสร้างองค์ความรู้ ตั้งแต่การจัดเตรียมเมล็ดพันธ์ การเตรียมดิน การบำรุงดิน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และชีวภาพ การดูแลแปลงตามรอบระยะเวลาการปลูก การกำจัดศัตรูพืชแบบธรรมชาติจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปตามหลักวิชาการ ตามความต้องการของตลาดของคนรักสุขภาพ ที่ขณะนี้ยอมรับว่าการบริโภคผักปลอดสารพิษเป็นที่ได้รับความสนใจและความนิยมอย่างมาก จนมียอดของการสั่งซื้อผักจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้แต่ละวันจำนวนมาก
“ เฉพาะ ต.บ้านโต้น มีพื้นที่ปลูกผักปลอดสารพิษรวม 18 ไร่ ทำการปลูกผักรวม 15 ชนิด ตามความต้องการของตลาด ซึ่งผักทุกชนิดจะทำการปลูกแบบวิชาการโดยมีคณะทำงานร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรอย่างเข้มงวด เนื่องจากบริษัทฯที่รับซื้อนั้นมียอดสั่งซื้อที่ตายตัว ชัดเจน ซึ่งทำให้เกษตรกรมีความตื่นตัวและปฎิบัติตามแนวทางดังกล่าวจนนำมาสู่การสร้างรายได้ให้กับตนเองที่เรียกว่าเป็นรายได้เสริมบางรายได้อัตราขั้นต่ำที่ 8,000 บาทต่อเดือน ขณะที่บางรายมีรายรับจากการปลูกผักปลอดสารพิษมากกว่า 10,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว”
นายชินกร กล่าวต่ออีกว่า ที่สำคัญคือผักทั้ง 15 ชนิดที่ทำการปลูกนั้นมีการประกันราคารับซื้อจากทางบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเรดโอ็คและกรีนโอ็ค ที่ประกันราคารับซื้อกิโลกรัมละ 100 บาท โดย 1 ต้นจะต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 ขีด ซึ่งกลุ่มเรดโอ็คและกรีนโอ็ค นั้นตลาดมีความต้องการอย่างมากในขณะนี้ทำให้กลุ่มเตรียมพิจารณาเพิ่มการปลูกให้กับเกษตรกรที่มีความประสงค์ในการขอจัดสรรพื้นที่และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มในช่วงเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ในกลุ่มกะเพรา,คะน้า,ผักบุ้ง,บวบ,คื่นช่าย,กวางตุ้ง,โหระพาและผักชนิดอื่นๆทั้งหมดมีการรับประกันราคาตายตัว ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาทแยกแต่ละประเภท และคุณภาพของผักที่เกษตรกรนำส่งจำหน่ายในแต่ละวัน อย่างไรก็ตามพื้นที่ผักแปลงใหญ่ของ อ.พระยืน นั้นขณะนี้เกิดขึ้นแล้วที่ ต.บ้านโต้น และ ต.หนองแวง พื้นที่รวมกว่า 50 ไร่ และจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมในพื้นที่ตำบลที่สนใจ ในการปลูกผักปลอดสารพิษที่ทุกคนจะต้องยึดหลักตลาดนำการผลิต โดยมีหลักวิชาการและช่องทางทางการตลาดและการสั่งซื้อที่ชัดเจน ซึ่งต่อจากนี้ไป อ.พระยืน จะเป็นพื้นที่คลังอาหารปลอดสารพิษที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย