นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานรับลงทะเบียนมีความพร้อมในการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ที่จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนวันแรกวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา รวมจุดรับลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 7,000 จุด ทั่วประเทศ สำหรับการลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ในครั้งนี้จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) ในปัจจุบันและผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน
การเตรียมการสำหรับผู้ลงทะเบียน
1. การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้
1.1 เข้าไปที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ”
1.2 เลือกปุ่ม “เริ่มลงทะเบียน” กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ กดปุ่ม “ตรวจสอบข้อมูล”
1.3 กรอกข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน ได้แก่ ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด และเลข laser หลังบัตร
1.4 กรอกข้อมูลผู้ลงทะเบียน ได้แก่ ที่อยู่ วุฒิการศึกษา สถานภาพครอบครัว (หากมีครอบครัว ต้องกรอกข้อมูลสมาชิกในครอบครัว) อาชีพ รายได้ และหนี้สิน
1.5 ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม “ยืนยันข้อมูล”
1.6 ผู้ลงทะเบียนที่โสด/ไม่มีครอบครัว กดยอมรับเงื่อนไขและยืนยันการลงทะเบียน เพื่อจบขั้นตอนการลงทะเบียน โดยไม่ต้องไปยื่นเอกสารหรือเดินทางไปหน่วยงานรับลงทะเบียน
1.7 ผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว (มีคู่สมรส (สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส) และบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่ตามข้อมูลของกรมการปกครอง (แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม)) เมื่อกรอกข้อมูลทางเว็บไซต์สำเร็จ จะต้องเลือกหน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก เพื่อไปยื่นเอกสารที่ลงลายมือชื่อครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ถึงจะถือว่าจบขั้นตอนการลงทะเบียน (หากไม่ได้เดินทางไปยื่นเอกสารที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะถือว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จ)
1.8 ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
2. การลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน อย่างไรก็ดี หากคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน ทั้งนี้ แบบฟอร์มการลงทะเบียนสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย
3. ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย
การเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ในการลงทะเบียน
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากลงทะเบียนแล้วผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป หากผู้ลงทะเบียนพบว่าผลการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์เนื่องจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนหรือข้อมูลสมาชิกในครอบครัวไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง ผู้ลงทะเบียนสามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน หากเป็นผู้ลงทะเบียนที่ไม่มีครอบครัวที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก หากตรวจสอบพบว่าผลการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป และจะมีการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งวันประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ การใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการในรอบใหม่จะเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น หลังการประกาศผล หากผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้ได้รับสิทธิฯ) ผู้ได้รับสิทธิฯ จะต้องไปยืนยันตัวตนผ่าน ธ.ก.ส ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทยฯ ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้สนใจเกี่ยวกับโครงการฯ สามารถศึกษาข้อมูล เช่น คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ช่องทางการลงทะเบียน เป็นต้น เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเน้นย้ำกว่า ในช่วงเวลาที่มีการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ผู้ที่มีบัตรฯ ปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิรอบใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไป
สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร 094-858-9794 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ
โทร. 08-5842-7102 , 08-5842-7103, 08-5842-7104 ,08-5842-7105
08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02-109-2345 (เวลาทำการ 08.30 – 17.30 น.)
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว-0628929797 >