วันศุกร์, 2 พฤษภาคม 2568

“บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน ครึ่งปีแรก 2566 ยอดขายรวม 95,183 ล้านบาท”

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 6 เดือนแรกปี 2566 มียอดขายรวม 95,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 5,550 ล้านบาท ลดลง 14.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.5%

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 200 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 207 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยงวดสะสม 6 เดือน ปี 2566 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 135 บริษัท คิดเป็น 68% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2566 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 95,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ต้นทุนขาย 71,014 ล้านบาท ลดลง 0.3% โดย บจ. สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นจาก 24.2% เป็น 25.4% อย่างไรก็ดี เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.5% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 14.1%  อยู่ที่ 5,550 ล้านบาท โดย บจ. มีกำไรสุทธิรวม 1,503 ล้านบาท ลดลง 70.9% เนื่องจากครึ่งแรกปี 2566 มีรายการบันทึกค่าใช้จ่ายขาดทุนจากรายการพิเศษและการตั้งด้อยค่าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่า 1,999 ล้านบาท  ขณะที่งวดเดียวกันปีก่อนหน้า มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่ารวม 1,423 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษขนาดใหญ่ดังกล่าว ครึ่งแรกปี 2566 ของ บจ. mai มีกำไรสุทธิลดลง 26.7%

ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บจ. มียอดขายรวม 47,028 ล้านบาท ลดลง 2.0% ต้นทุนขาย 35,173 ลดลง 2.9% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.5% เป็น 25.2% อย่างไรก็ดี การที่ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้นถึง 15.6% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 35.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ครึ่งแรกปี 2566 แม้ บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติและมีการปรับเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานทั้งอัตราค่าจ้างและกำลังคน ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง อย่างไรก็ดี พบ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน” นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 325,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.80 เท่า ลดลงจากปี 2565 ที่เท่ากับ 0.82 เท่า

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 207 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2566) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 481.94 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 484,408.17 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,599.47 ล้านบาทต่อวัน 

“SET…Make it Work for Everyone”

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 MAaG61.jpeg MB9x2v.jpeg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ MEnXPR.gif


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ปลุกพลัง Soft Power ปั้นแบรนด์ไทย “Born to Brand” สู่ Hero Brand ระดับโลก
อีซี่มันนี่ ยกระดับธรรมาภิบาลและมาตรฐานองค์กร แต่งตั้ง พล.ต.อ.สุรพล อยู่นุช เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท
“ไวน์ คอนเนคชั่น” ได้รับการยกย่องในความมุ่งมั่นตั้งเป้าหมายใช้ไข่ไก่จากฟาร์มเลี้ยงแบบไม่ใช้กรง หรือ Cage-Free 100% ครอบคลุมร้านทั่วไทย ภายในปี 2028
เมล็ดพันธุ์ตราศรแดง ผนึกมูลนิธิเมเจอร์แคร์ ขับเคลื่อน “โครงการปลูกผัก สร้างสุข สร้างรายได้” ที่นครปฐม
แพลตฟอร์มขายฝากอัจฉริยะ Dcash พลิกโฉมการกู้-การลงทุนด้วยระบบ Reverse Auction และ AI
บันยันกรุ๊ป คว้ารางวัลเกียรตินิยมสูงสุดจากงาน ‘International Property Awards 2024/5’