นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภายในปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.Expansion & Renovation 2.Service Innovation และ 3.Data Optimization พร้อมตั้งเป้าฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านสมาชิก จากปัจจุบันมีอยู่ 21.5 ล้านสมาชิก ส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทยมุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของแฟรนไชส์มากขึ้นทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันรวม 5,000 สาขา รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ (Eco System) ของ PTG ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ปี 2567 ตั้งเป้างบลงทุนไว้ 4,000-5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจน้ำมัน 1,000-1,500 ล้านบาท ธุรกิจ LPG 800-1,000 บาท ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 500-1,000 ล้านบาท ธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ 500-1,000 ล้านบาท และ New Business 1,000-1,500 ล้านบาท
โดยคาดว่ายอดขายน้ำมันจะเติบโต 10-12% จากการขยายตัวการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยภายในของบริษัทฯ ที่มีการยกระดับการให้บริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายสถานีบริการไว้ที่ 2,251 สถานีบริการ
ส่วนธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าเติบโต 40-50% โดยปริมาณการขายก๊าซ LPG ไว้ที่ 30-40% โดยจะขยายสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากปี 2566 อยู่ที่ 573 สาขา ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จะขยายเพิ่มเป็น 1,300 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 882 สาขา
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ Max World วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยมีการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
ยังได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้ Elex by EGAT PT ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 49 สถานี จะเพิ่มเป็น 262 สถานี ในปี 2567 และเป็น 712 สถานี ในปี 2570
ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) มีการติดตั้งไปแล้ว 37 สถานี ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า 1 ล้านหน่วยต่อปี ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มสถานีได้ 15% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยมีแผนจะขยายกำลังการผลิตใน 5 ปีข้างหน้าเพิ่มอีก 28.67 เมกะวัตต์ ใน 1,200 สถานี ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 33 ล้านหน่วยต่อปี คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 13,420 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2 ประเภท ได้แก่ นายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี และนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยเชื่อมั่นว่า Maxbit จะนำจุดแข็งของสมาชิก Max Card 21.5 ล้านสมาชิก รวมถึง Touchpoints กว่า 1.5 ล้านจุด ของ Max Me มาต่อยอดเป็นลูกค้าของ Maxbit กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มลูกค้าในช่วงวัยทำงานและผู้ที่สนใจในด้านการลงทุน ตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีสมาชิกเทรดประมาณ 350,000 ราย และปี 2567 จะมีส่วนแบ่งการตลาด 9-10% และก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 < ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ