
คนร้ายขับ จยย.ประกบป้าขณะขับ จยย.ไปรับหลาน สบจังหวะปลอดคน จี้ชิงทรัพย์ได้เงินสดไปเกือบ 1,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ วอนตำรวจเร่งล่าเพราะหวั่นกลับมาก่อเหตุในพื้นที่ซ้ำอีก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Tum Weerawat” ที่ได้มีการโพสต์ภาพเหตุการณ์คนร้ายสวมหมวกกันน็อคเต็มใบปิดบังหน้ามิดชิด สวมเสื้อกันหนาวสีแดงของสโมสรฟุตบอลชื่อดัง กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าเป้สีดำ ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ พร้อมข้อความระบุว่า “แจ้งเตือนภัย เหตุเกิดขึ้นนี้วันเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง โจรจี้ชิงทรัพย์ (แม่ผมเองกะลูกผมและหลาน) ท่านพบเห็นเบาะแส แจ้งทางผมทีคับ เป็นภัยต่อสังคม”
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบกับ นางตามนต์ เชิดชู อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 367 ม.1 บ้านหนองน้ำใส ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ในจุดที่ถูกคนร้ายรายนี้จี้เอาทรัพย์สินเงินสดเกือบ 1,000 บาทและโทรศัพท์มือถือ
นางตามนต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะขับรถจักรยานยนต์มารับหลาน 2 คนหลังเลิกเรียนตามปกติ โดยขณะที่ขับรถจักรยานยนต์มาถึงช่วงชุมชนโนนสว่างตัดขึ้นจะขึ้นถนนเลี่ยงเมือง ตรงข้ามตลาดนัดคลองถมหนองน้ำใส ได้มีคนร้ายสวมหมวกกันน็อคเต็มใบขับรถจักรยานยนต์ตามมาประกบด้านข้าง จากนั้นคนร้ายได้กระชากกระเป๋าจนหูกระเป๋าขาด ทำให้หลุดมือคนร้ายไม่สามารถเอาไปได้ แต่คนร้ายไม่ยอมหยุดเลี้ยวรถกลับมาดักหน้าแล้วเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนมีอาวุธอยู่ภายใน พร้อมกับพูดว่าให้ส่งกระเป๋ามา
“ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงยอมเปิดกระเป๋าให้คนร้ายหยิบทรัพย์สินไป โดยได้กระเป๋าใส่เงินและใส่บัตรไป 2 กระเป๋า มีเงินสดรวมอยู่ประมาณเกือบ 1,000 บาท พร้อมกับโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง เมื่อได้ทรัพย์สินไปคนร้ายก็ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทันที และหลังเกิดเหตุก็ได้รับหลานทั้ง 2 คนที่โรงเรียนและรีบกลับบ้านไปบอกลูกชาย ก่อนจะไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและนำมาเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านไผ่”
นางตามนต์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีกหากตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายรายนี้ได้ โชคดีที่ขณะเกิดเหตุหลานอีก 2 คนไม่ได้อยู่ด้วย เพราะหากอยู่อาจถูกคนร้ายรายนี้ทำร้ายร่างกายเพื่อข่มขู่ พร้อมกันนี้อยากจะฝากเตือนถึงคนเฒ่าคนแก่ หรือคนสูงอายุที่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพต่างๆมากกว่าเพื่อน ให้ระมัดระวังในการขับขี่หากพบเจอคนน่าสงสัยว่าจะเป็นมิจฉาชีพให้พยายามขับไปหาจุดที่มีคนอยู่จำนวนมากเพื่อสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ทัน







