เมื่อเวลา 13.30น.วันที่ 2 ก.ค. 2564 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.4, พ.ต.ท.ชาติชาย ทิมินกุล รอง ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.4 แถลงข่าวผบการจับกุม นางพลอย (ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้เปิดเผยชื่อและนามสกุล ) อายุ 62 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ ถนนชาตะผดุง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พร้อมของกลางผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมาย จำนวน 20 รายการ 922 ชิ้น และวัตถุดิบ ซึ่งเป็นครีมที่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง บรรจุภัณฑ์เปล่าและอุปกรณ์การผลิต จำนวน 47 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ขอนแก่น จับกุมตัวได้ภายบ้านพัก ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น
พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีประชาชนร้องเรียนมายังสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ว่า นางพลอยได้เปิดร้านขายเครื่องสำอาง ในกลุ่มครีมบำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง ให้กับลูกค้าที่รักษ์สุขภาพและชื่นชอบสมุนไพรไทย โดยที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้แล้วเกิดอาการแพ้และมีผลข้างเคียง จึงประสานการทำงานร่วมกันกับทางเจ้าหน้าที่ กก.สส. 3 บก.สส.ภ.4 ลงพื้นที่ซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านดังกล่าว และ ทำการตรวจสอบตามขั้นตอน ปรากฏว่า เครื่องสำอางทั้งหมดไม่ได้มาตรฐาน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายค้น เข้าทำการตรวจค้น
“เมื่อเจ้าหน้าที่ได้หมายศาลแล้วจึงสนธิกำลังกันเข้าทำการตรวจสอบ ร้านขายเครื่องสำอางดังกล่าว ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เปิดเป็นร้านขายเครื่องสำอางให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งจากการตรวจค้นบริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว พบวัตถุดิบซึ่งเป็นครีม ที่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง บรรจุภัณฑ์เปล่าและอุปกรณ์การผลิตครีมรวมถึงแผ่นพับโฆษณาสินค้า จึงได้ทำการอายัดไว้ จำนวน 29 รายการ นอกจากนั้นยังได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดขอนแก่น ทำการตรวจค้นบ้านพักที่อยู่ห่างกันออกไปเพียงเล็กน้อย ผลการตรวจค้นพบวัตถุดิบส่วนผสมและอุปกรณ์การผลิตเครื่องสำอาง จำนวน 18 รายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด”
ผบก.สส.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้อวหาให้การว่าได้เปิดร้านขายสินค้าทั่วไปมาหลายปี และได้สั่งครีมทาหน้า ครีมต่างๆมาใช้ ใช้มานานก็คิดค้นในการทำครีมขึ้นมาขายเอง ด้วยการศึกษาส่วนผสมจากข้างขวด แล้วใช้สติกเกอร์ยี่ห้อครีมและเครื่องสำอางดังกล่าว (เจ้าหน้าที่ตำรวจขอสงวนชื่อครีมสมุนไพร) ซึ่งสติกเกอร์และขวดก็สั่งมาจากร้านค้าทั่วไปซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผลิตภัณธ์ของจริง อย่างมาก ซึ่งในการวางจำหน่ายนั้นเปิดจำหน่ายเฉพาะหน้าร้านเท่านั้น โดยกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนผู้ต้องหาทำเองกับมือในถังพลาสติกสีขาวภายในบ้านพัก ก่อนจะบรรจุลงในขวดและตลับครีม และเมื่อลูกค้าซื้อไปใช้ก็จะเกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงต่างๆจึงมีการร้องเรียนมายังเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 7 ข้อหา ประกอบด้วย ขายเครื่องสำอางโดยไม่ได้รับจดแจ้งรายละเอียด ตามมาตรา 32(1) ประกอบมาตรา14 วรรค 1,ขายเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ตามมาตรา 22 วรรค 2(1) ประกอบมาตรา 32(3),ขายเครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ครบถ้วน ตามมาตรา 32(4) ประกอบมาตรา 22 วรรค 2(3),ขายเครื่องสำอางปลอมตามมาตรา 27(2) ประกอบมาตรา 29(1) ระบุชื่อผู้ผลิต–แหล่งผลิต มิใช่ความจริง,ขายเครื่องสำอางปลอมที่ได้จดแจ้งไว้ซึ่งมิใช่ความจริง มาตรา 27(2) ประกอบมาตรา 29(4),ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลาก ตามมาตรา 22 วรรค 1 ประกอบมาตรา 32(2),โฆษณาเครื่องสำอางมีข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินจริงและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ตามมาตรา 41(1)(2) พร้อมควบคุมตัวนำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
