Panthera Group ร่วมกับครอบครัว Capewell แจกถุงยังชีพช่วยเหลือกลุ่มคนขับแท็กซี่

 Panthera Group ผู้นำกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ และไนท์คลับ นำสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นออกแจกจ่ายช่วยเหลือกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่ขาดรายได้และกำลังได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

          เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา นำโดย Dean Capewell ผู้อำนวยการ Panthera Group ออกบริจาคแจกจ่ายถุงยังชีพจำนวน 407 ชุด ภายในประกอบด้วยอาหารแห้งและของใช้จำเป็น ให้กับกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ในละแวกถนนสุขุมวิทที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงของกรุงเทพฯ

          ทั้งนี้ได้มีกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ รถสามล้อเครื่อง และวินมอเตอร์ไซค์ จำนวนมากแวะเวียนกันมารับของบริจาค ณ บริเวณ อินเซนิตี้ ไนท์คลับ แลนด์มาร์คสำคัญของ Panthera Group ภายในซอยสุขุมวิท 11 เพื่อรับข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็น อาทิแป้งเด็ก ผ้าอ้อม ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ

          ด้วยเงินบริจาคจำนวน 200,000 บาท จาก Dean Capewell ทาง Panthera Group สามารถจัดหาข้าวสาร 3,000 กิโลกรัม ไข่ไก่ 16,000 ฟอง อาหารแห้ง 2,600 กระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 800 กล่อง น้ำมันพืช 800 ขวด และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ อีกมากมายที่ทีมงานของ Panthera Group ได้ร่วมแรงร่วมใจกันนำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้ในครั้งนี้

          “คนขับแท็กซี่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจของเรา” Capewell กล่าว “พวกเขาคอยพาลูกค้ามาให้เรา ดังนั้นถึงเวลาที่เราควรต้องเป็นผู้ให้กลับบ้าง”

          Panthera Group ได้ดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือลูกจ้างพนักงานตลอดจนแรงงานอื่นๆ ในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสั่งปิดสถานบันเทิงเนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยาวนานถึง 13 เดือนตลอดระยะเวลา 16 เดือนที่ผ่านมา นอกจากการบริจาคส่งมอบอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับแรงงานภาคกลางคืน ทางกลุ่มยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ไม่ได้รับการเยียวยาจากภาครัฐอย่างเพียงพอเนื่องจากจุดด้อยในสายอาชีพ

          Panthera Group เริ่มต้นออกแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ยากไร้ในบริเวณซอยสุขุมวิท 11 และ 23 ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงที่มีการยกระดับการล็อกดาวน์และมาตรการเคอร์ฟิว ทางบริษัทได้ทำการบริจาคเงินเพื่อช่วยต่อลมหายใจให้กับกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ผ่านระบบการโอนผ่านธนาคาร

          “ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สองของผม” Capewell กล่าว “สถานการณ์ในปัจจุบันมันแย่มาก ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจพวกเขา เมืองนี้ให้ที่พักพิงกับผม ผมเลยอยากตอบแทนกลับบ้าง”