
ตำรวจภูธรภาค 4 จับผู้ต้องหาค้ายาบ้าครอบครองอาวุธปืนและอาวุธสงครามจำนวนมากในพื้นที่สภ.เอราวัณ ภ.จว.เลย
ตามนโยบายของ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรทุกแห่งระดมกวาดล้างอาชญากรรม ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และเป็นภัยกับสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น เพื่อป้องกันอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดจากการนำอาวุธปืนมาใช้ก่อเหตุ โดยมอบหมายให้ พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ฝ่ายปราบปราม) เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล สั่งการในภาพรวม เพื่อให้การระดมกวาดล้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สัมฤทธิ์ผล ตามวัตถุประสงค์และนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห้วงตั้งแต่วันที่ 20 – 31 ตุลาคม 2564

พลตำรวจโท ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จึงได้สั่งการให้สถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง ในสังกัดดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและอาวุธสงคราม เพื่อปราบปรามอาชญากรรมและสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน โดยมอบหมายให้ พลตำรวจตรี สายเพชร ศรีสังข์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ฝ่ายปราบปราม), พลตำรวจตรี หัสชัย เรืองมาลัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ฝ่ายสืบสวนสอบสวน) ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ

เมื่อเวลา 10.30 น วันที่ 26 ตุลาคม 2564 โดยการอำนวยการของ พลตำรวจตรี สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย , พ.ต.อ.ณัทญา ทองจันทร์ ผกก.สภ.เอราวัณ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของสถานีตำรวจภูธรเอราวัณ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเอกชัย ตั้งสมบูรณ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 804 หมู่ 7 ตำบลผาอินทร์แปลง อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย พร้อมด้วยของกลางจำนวน 22 รายการ คือ
1.อาวุธปืนเล็กยาว (เอ็ม 16) จำนวน 1 กระบอก
- อาวุธปืนเล็กยาวอาก้า (เอเค 47) จำนวน 2 กระบอก
- อาวุธปืนกลมือ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก 4.อาวุธปืนกลมือ ขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก 5.อาวุธปืนยาว (ลูกกรด) ขนาด 22 มม. จำนวน 1 กระบอก
6.อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ลูกกรด)ขนาด .22 มม.จำนวน 1 กระบอก
7.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 มม. รูเก้อร์ จำนวน 1 กระบอก
8.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .40 มม.จำนวน 1 กระบอก
9.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .45 มม.จำนวน 1 กระบอก
10.อาวุธปืนพกสั้น(ไทยประดิษฐ์)ขนาด .38 มม.จำนวน 1 กระบอก
11.กระสุนปืน ขนาด .22 แมคนั่ม จำนวน 9 นัด - กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 55 นัด
- กระสุนปืน ขนาด 9 มม.จำนวน 50 นัด
14.กระสุนปืน อาก้า ขนาด 7.62 มม.จำนวน 40 นัด 15.กระสุนปืน เอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.(กระสุนจริง) จำนวน 103 นัด
16.กระสุนปืน เอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.(กระสุนซ้อม) จำนวน 15 นัด
17.กระสุนปืน ขนาด .40 จำนวน 43 นัด
18.กระสุนปืน ขนาด .357 จำนวน 11 นัด
19.ลำกล้องลดเสียง (สแตนเลส) จำนวน 1 ชิ้น
20.ลำกล้องลดเสียง (สีดำ) จำนวน 1 ชิ้น
21.ยาบ้า จำนวน 181 เม็ด (สีแดง 178 เม็ด ,สีเขียว 3 เม็ด)
22.ยาไอซ์ รวมถุงบรรจุ น้ำหนัก 4.18 กรัม
โดยแจ้งข้อหาว่ามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและคุรุภัณฑ์ทางทหาร (เสื้อเกราะ)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนายทะเบียน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า ยาไอซ์ หรือ เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย
สถานที่จับกุมบ้านพักไม่มีเลขที่หมู่ 7 ตำบลผาอินทร์แปลง อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย พฤติการณ์ในคดีก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีได้ทราบว่าผู้ต้องหาซึ่งมีอาชีพรับซ่อมรถจักรยานยนต์และรับแต่งรถจักรยานยนต์ซิ่ง ได้มีพฤติการณ์มั่วสุม เสพยาบ้า และได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่บุคคลในครอบครัว จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาปรากฏว่า พบของกลางตามรายการข้างต้นอยู่ในห้องเก็บของ สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบนั้นได้รับฝากเก็บรักษาจากพรรคพวก เพื่อนฝูงที่รู้จักกันโดยได้รับค่าตอบแทน เป็นเงินและยาเสพติดซึ่งยาเสพติดผู้ต้องหารับว่ามีไว้เพื่อเสพเองและขายให้บุคคลทั่วไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลหาที่มาของอาวุธปืนต่อไปจึงได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสภ.เอราวัณ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทราบว่าเมื่อ พ.ศ.2560 เคยถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี 6 เดือน ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าและครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายและได้รับอภัยโทษ พ้นโทษออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ตำรวจภูธรภาค 4 จะดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการปราบปรามจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม ในพื้นที่อย่างจริงจังต่อไป เพื่อทำให้ประชาชนและสังคมของภาคอีสานตอนบนมีความสุขอย่างยั่งยืน












