รัฐบาลเชิญชวนสายเที่ยว-บริษัททัวร์ ร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย เผยเหลือสิทธิ์กว่า 168,000 สิทธิ์ นายกรัฐมนตรีกำชับปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเข้มงวด แนะหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวอุทยาน เพิ่มความสะดวกหนุนเที่ยวในประเทศวันที่ 9 ก.พ. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาโครงการทัวร์เที่ยวไทยจากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2565 ไปสิ้นสุด พ.ค. 2565 ขณะนี้ระบบได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนซื้อรายการนำเที่ยว บริษัทนำเที่ยวรายเดิมเริ่มส่งรายการนำเที่ยว และบริษัทนำเที่ยวรายใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้แล้ว จึงขอเชิญชวนทั้งประชาชนที่สนใจ และผู้ประกอบการนำเที่ยวเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดำเนินการขอรับสิทธิตามโครงการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ โดยสามารถตรวจสอบแพ็คเกจท่องเที่ยวของบริษัทนำเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ซึ่งมีการจัดแบ่งกลุ่มให้เลือก 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่ม silver เป็นแพ็คเกจทัวร์ราคาถูก กลุ่ม Gold แพ็คเกจทัวร์ราคาปานกลาง และกลุ่ม Platinum แพ็คเกจทัวร์ราคาสูง
ขณะที่ผู้ประกอบการนำเที่ยวรายเดิมสามารถยื่นรายการนำเที่ยวส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและศึกษารายละเอียดขั้นตอนและหลักเกณฑ์ตามโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2565 เหลือสิทธิตามโครงการกว่า 168,000 สิทธิ จากที่รัฐบาลให้สิทธิ 2 แสนสิทธิ
สำหรับสิทธิตามโครงการนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนส่วนลดค่าแพ็คเกจท่องเที่ยวในประเทศให้ประชาชนผู้ร่วมโครงการ 40% แต่ไม่เกิน 5,000 บาท/สิทธิ โดยให้ 1 สิทธิต่อคน รวมทั้งหมด 2 แสนสิทธิ โดยผู้จะเข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป และจะไม่สามารถใช้แพ็คเกจท่องเที่ยวของโครงการทัวร์เที่ยวไทยในช่วงเวลาเดียวกับการเข้าพักโรงแรม/ที่พักของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ได้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับว่าเนื่องจากขณะยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงขอให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้มงวดในเรื่องของการกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการฯ และกำกับให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวดูแลนักท่องเที่ยวตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (8 ก.พ.) นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาความแออัดของนักท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่สนใจ เช่นกรณีอุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดบึงกาฬ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมถ้ำนาคาเป็นจำนวนมากและมีการตกค้างในพื้นที่ท่องเที่ยวในบางช่วงเวลา โดยให้ใช้ระบบการจอง ปรับกำหนดการเปิด-ปิด เช่น อาจมีการเปิดให้เข้าเช้าขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการตกค้างในพื้นที่อุทยานหลังเวลาปิดทำการ
รวมถึงขอให้มีการกำกับให้ทั้งเจ้าหน้าที่ บริษัทนำเที่ยว ตลอดจนนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุทยาน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมากที่สุดเนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานนั้นเป็นภูเขาสูงชัน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ เพิ่มการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้เกิดการเที่ยวในประเทศ กระจายรายได้สร้างงานสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้เกิดความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว-0628929797 >