วันพุธ, 27 พฤศจิกายน 2567

“มนัญญา” หนุน อ.ส.ค. เพิ่มช่องทางตลาดนมไทย-เดนมาร์ค ผ่านแพลตฟอร์ม “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”ดันยอดขายในและตปท.

รมช.มนัญญา ดันรายได้ อ.ส.ค. และยกระดับรายได้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย หนุน อ.ส.ค.ผนึกความร่วมมือองค์การคลังสินค้าเปิดช่องทางตลาดนมไทย-เดนมาร์คผ่านแพลตฟอร์ม ‘เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด’ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวตามที่รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก โดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลใน 4 ด้านหลัก เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ได้แก่ 1. ด้านข้อมูล 2.ด้านแพลตฟอร์มกลาง 3.ด้านการกำหนดคุณภาพ มาตรฐาน และตรวจสอบย้อนกลับ และ 4. ด้านการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดนั้น ปรากฏว่า “นม” เป็น 1ใน4 ที่เป็นสินค้านำร่องที่รัฐบาลได้วางเป้าหมายในการขับเคลื่อนการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ตั้งแต่การพัฒนาเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศร่วมกับสินค้าอีก 3 ชนิดคือ ข้าว ทุเรียนและกุ้งขาว

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุดได้มอบหมายให้ อ.ส.ค.ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมตราไทย-เดนมาร์ค ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต โดยเร่งหาแนวทางในการผนึกความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาช่องทางตลาดในการสร้างความเข้มแข็งทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศมาอย่างยาวนานอยู่

แล้วก็อยากให้ตลาดมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เพราะนอกจากจะช่วยให้ อ.ส.ค.มีรายได้มากขึ้นแล้วยังเป็นการช่วยยกระดับโคนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทยให้มีรายได้มั่นคง ยั่งยืนอีกทางหนึ่งด้วย”

ด้านนายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกล่าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อเร็วๆนี้ อ.ส.ค.ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับองค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน การร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้สอดรับแนวนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อส่งเสริม ศึกษา พัฒนาและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุน การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในหน่วยงานออกจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศและกำหนดแนวทางและถ่ายทอดความรู้ด้านการผลิตอาหารสัตว์รวมถึงการจัดหาและการบริหารจัดการวัตถุดิบด้านอาหารเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในอนาคต

“ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา อ.ส.ค.ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยหันมาบุกตลาดออนไลน์ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ Application Shopee และ Lazada เพื่อลดช่องว่างระหว่างผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คกับผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก คล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง การลงนาม MOU ระหว่างอ.ส.ค. กับ อ.ค.ส. ในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกมิติสำคัญในการเพิ่มช่องทางตลาดใหม่ๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้ อ.ส.ค.มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากขึ้นอย่างแน่นอน จากปัจจุบันมีรายได้อยู่ประมาณ 9,500-10,000 ล้าน/ปี ” นายสมพร กล่าว

สำหรับนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นโครงการที่ต้องการรวบรวมสินค้าเกษตร การันตีคุณภาพจากกลุ่มเกษตรกรที่คัดเลือกพิเศษโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับนำมาจำหน่ายผ่านแพลทฟอร์ม “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สนใจลงโฆษณาติดต่อนิตยา-0628929797 ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เตรียมพบสาขาลำดับที่ 10 ของ โก โฮลเซลล์ บนถนนเจริญราษฎร์  4 ธ.ค. นี้
เอเว็กซ์ พิกเจอร์ส เตรียมถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต “SEVENTEEN ‘RIGHT HERE’ WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING” ส่งตรงจากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สู่โรงภาพยนตร์ทั่วโลก 14 ธ.ค.นี้ พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรแล้ว
งานประชุม Vaccine World Asia Congress 2024 – South East Asia Focused
ขอนแก่นกับงานยักษ์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 งานแถลงข่าว “Plara Morlam Isan to the World’24”
ที่สุดของบทสรุป/บัญญาย่าคว้าชัยสนามสุดท้าย มาร์ตินคว้าแชมป์โลก MotoGP ปี 2024
ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ กสทช. ดีอี ปภ. จ.ภูเก็ต นำร่องทดสอบระบบเตือนภัยเสมือนจริง “LIVE – Cell Broadcast Service” ที่ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวระดับโลก