วันเสาร์, 23 พฤศจิกายน 2567

สลด!!นักเรียนใส่หูฟังชาร์จโทรศัพท์ทำการบ้านไฟช๊อตดับ

อุทาหรณ์เตือนใจเวลาชาร์จไฟโทรศัพท์อันตราย อย่าใช้และใส่หูฟังเวลาชาร์จสลดนักเรียนใส่หูฟังชาร์จโทรศัพท์ทำการบ้านไฟช๊อตดับ

          *** นักเรียนหญิงชั้น ม.3 นอนทำการบ้านพร้อมกับใส่หูฟังชาร์จโทรศัพท์ไปด้วย พ่อไปเคาะประตูเรียกไม่มีเสียงตอบรับ จึงไปแง้มดูทางหน้าต่างเห็นลูกนอนคว่ำหน้าจึงรีบเข้าไปพลิกตัวขึ้น จึงพบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว โดยนอนทับบนสายชาร์จโทรศัพท์และสายไฟมีปลั๊กเสียบชาร์จไว้อยู่

          *** ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 13 บ้านสำโรง หมู่ที่ 8 ต.นางาม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากทราบว่าเมื่อเย็นวานนี้มีนักเรียนนอนทำการบ้านแล้วใส่หูฟัง พร้อมกับเสียบสายชาร์จโทรศัพท์มือถือเอาไว้แล้วถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตคาที่นอน เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวกำลังจะมีการก่อสร้างใหม่ โดยเจ้าของบ้านสร้างที่พักชั่วคราวเอาไว้ขณะเตรียมการก่อสร้าง โดยภายในบ้านมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาช่วยกันจัดการงานศพอยู่หลายคน และมีโลงศพบรรจุร่างของ น.ส.ธัญญาลักษณ์ ผะดาศรี หรือน้องฝ้าย อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชีโหล่นวิทยา ต.บ้านแจ้ง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ตั้งไว้บำเพ็ญกุศล ซึ่งจะมีการสวดพระอภิธรรมเป็นวันแรก

          *** จากการสอบถาม นายธงชัย ผะดาศรี อายุ 39 ปี พ่อของผู้เสียชีวิตเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า น้องฝนเป็นลูกสาวคนเดียวของตน กับอดีตภรรยาที่ได้เลิกรากันไปตั้งแต่น้องฝ้ายอายุ 2 ขวบ ตนจึงได้ฝากลูกเอาไว้กับปู่และย่า คือนายประเสริฐ ผะดาศรีอายุ 69 ปี  และนางหนูไกร ผะดาศรี อายุ 65 ปี เป็นคนเลี้ยง ส่วนตนเองก็ได้ไปทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งแถวบางปะอิน แล้วได้แต่งงานใหม่ กับนางรัตนา หมวกทอง อายุ 40 ปี ต่อมาช่วงวิกฤติโควิด 19 นายธงชัยถูกเลิกจ้างและได้เงินชดเชยเยียวยามาจำนวนหนึ่ง จึงกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่และลูกสาวได้ประมาณเดือนเศษ ส่วนภรรยาใหม่ก็ยังคงทำงานอยู่ที่โรงงานแถวบางปะอิน นายประเสริฐจึงได้ให้ช่างรื้อบ้านไม้หลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมออก แล้วเตรียมที่จะสร้างบ้านหลังใหม่โดยใช้วัสดุเดิมที่มีอยู่ เพื่ออยู่กับพ่อแม่ลูกสาวและครอบครัว

          *** ก่อนเกิดเหตุเมื่อเย็นวันที่ 10 ส.ค. 2563 ทราบว่าหลังจากลูกสาวกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านแล้วได้บอกย่าว่าจะเข้าไปทำการบ้านในห้องนอนซึ่งทำขึ้นชั่วคราว ซึ่งจะเป็นแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่บนพื้นดิน มีตู้เก็บของกั้นกับเตียงนอนแคร่ไม้ไผ่ ซึ่งเป็นที่นอนของตนและภรรนยา จากนั้นเวลาประมาณ 18.30 น. นายธงชัยได้กลับมาจากทำนาก็ได้ถามนางหนูไกรผู้เป็นย่าว่าน้องฝนไปไหน นางหนูไกรก็บอกว่าเข้าไปทำการบ้านอยู่ในห้อง จึงได้ไปเคาะประตูและร้องเรียก หลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้เดินไปทางหน้าต่างก็พบว่าลูกสาวสวมกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน เสื้อยืดแขนสั้นสีชมพู นอนคว่ำหน้าทับสายโทรศัพท์และสายไฟอยู่ ที่หูใส่หูฟังโทรศัพท์เอาไว้ จึงรีบเข้าไปดูก็พบว่าไม่หายใจแล้ว ที่บริเวณคอมีรอยไหม้เล็กน้อย จากนั้นจึงได้ทำการผายปอด แต่ลูกสาวก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นายธงชัยและนางรัตนา หมวกทอง พ่อและแม่เลี้ยง ก็ฝากบอกว่าขอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกของตนเป็นรายสุดท้าย คนอื่นๆก็ควรระวังเอาไว้ อย่าใส่หูฟังและเสียบชาร์จโทรศัพท์เอาไว้ในคราวเดียวกัน อาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เหมือนกัน

          ***  ทางด้านนางหนูไกร ผะดาศรี ผู้เป็นย่าบอกว่า เมื่อลูกชายมาถึงบ้านก็เดินไปหาลูกสาว สักพักก็ได้ยินเสียงร้องว่าแม่ลูกสาวข่อยตายแล้ว โดยน้องฝ้ายเป็นเด็กนิสัยดี การเรียนดี  เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ก็รู้สึกเสียใจและเสียดายที่หลานสาวจากไปในเวลานี้ ที่ผ่านมาก็เอาใจใส่เลี้ยงดูเป็นอย่างดี

      

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการจัดงานฌาปนกิจศพขึ้นที่วัดสราญรมย์บ้านสำโรง ตำบลนางามอำเภอเสลภูมิจังหวัดร้อยเอ็ดท่ามกลางความเศร้าโศกของเครือญาติและชาวบ้านรวมทั้งเพื่อนๆนักเรียนที่มา งานเผาศพในวันนี้ ด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อยและด้วยความอาลัยของเพื่อนๆร่วมชั้นและร่วมโรงเรียนที่รู้จักกับผู้ตาย


***นายฉัตรชัย โพธิ์ศรี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับผู้เสียชีวิตเล่าว่า เพื่อนเป็นเด็กนักเรียนที่ตั้งใจเรียนขยันหมั่นเพียรร่าเริงเป็นที่ปรึกษาทุกปัญหาของเพื่อนๆได้ทำให้เพื่อนๆทุกคนรักนอกจากนี้ยังเป็นนักกิจกรรมและเล่นกีฬาประจำโรงเรียนด้วยความขยันขันแข็ง และให้คำปรึกษากับเพื่อนๆทุกครั้งที่มีปัญหาโดยไม่เป็นคนถือตัวจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆแต่โดยปกติแล้วในเวลาที่ไม่มีปัญหาอะไรก็จะเก็บตัวเงียบไม่ค่อย ฟ้ากับใครถ้าไม่มีกิจกรรมกลุ่มรวมๆกัน แต่สิ่งที่เป็นดูเหมือนเป็นลางสังหรณ์ก่อนที่เพื่อนจะเสียชีวิตจะมีพฤติกรรมต่างจากปกติที่จะอยู่เฉยๆจะไม่ค่อยหยอกล้อใครแต่ในวันก่อนเกิดเหตุอยู่ๆก็มากอดหยอกล้อก่อนเพื่อนทุกคนในห้องเรียนเหมือนๆกับรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นซึ่งทุกคนก็ไม่สนใจแต่พอเพื่อนเสียชีวิตจึงมานึกขึ้นได้ว่าเป็นความผิดปกติ เหมือนกับเป็นลางจึงมาก่อนเพื่อนๆทุกคน เหมือนเป็นการบอกลาเพื่อนๆ ซึ่งทำให้เพื่อนทุกคนช็อกและเสียใจมากกับการจากไปอย่างรวดเร็วของเพื่อนคนนี้


**ในขณะที่นางสาวเกษวดี ไชยธงรัตน์ เพื่อนสาวคนสนิทของผู้ตายได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ตายเป็นคนเข้ากับคนได้ง่าย ชอบช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อชอบ แก้ปัญหาให้เพื่อนๆทุกครั้งที่ ประสบปัญหา และเป็นที่รักของทุกคน และในเวลาปกติมักไม่ค่อยหยอกล้อ อะไรกับเพื่อนมากนัก แต่สิ่งที่ทุกคน แต่ใจจะไม่มีใครพูดอะไรก็คือ ก่อนวันที่จะเสียชีวิต ได้มาหยอกล้อและกอดเพื่อนทุกคน ไม่ว่าจะเพื่อนหญิงเพื่อนชาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ ซึ่ง เพื่อนทุกคนไม่คิด ว่าจะเป็นการ สั่งลากันครั้งสุดท้ายเหมือนจะรู้ตัว หลังจากทราบข่าว ทุกคนต่างช็อคและเสียใจเป็นอย่างมาก ที่เสียเพื่อนดีๆซึ่งให้ข้อคิดและที่ปรึกษาให้กับเพื่อนได้เป็นอย่างดี ในครั้งนี้

/////////////////////

โชติกา  ทวนชัยภูมิ รายงาน

0956628047