รัฐบาลเชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตเมื่อติดเชื้อ คงยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยป้องกันทั้งโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่
วันที่ 18 กันยายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชนในข่าย 7 กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากในช่วงนี้ พบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่มากขึ้น ซึ่งปกติช่วงฤดูฝนจะเป็นช่วงของการแพร่ระบาดตามฤดูกาลของโรคไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นช่วงที่มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งอาจทำให้ประชาชนลดความเคร่งครัดในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดลง โดยเฉพาะการไม่สวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องมีการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกัน อาทิ งานเลี้ยงสังสรรค์ รับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกัน จึงทำให้มีโอกาสที่โรคติดต่อทางเดินหายใจอย่างโรคไข้หวัดใหญ่จะระบาดเพิ่มขึ้นได้ รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ทั้งนี้ ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) 2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน 3. ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4. บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) 6. โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) และ 7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ด้วยความห่วงใย รัฐบาลจึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนี้ รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่สถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. คลินิกเอกชนและโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วม ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี 2565 ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง โดยทุกสิทธิได้รับการรักษาฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา และได้มีการขยายเวลาบริการฉีดวัคซีนฯ เพิ่มเติมออกไปจนถึง 30 กันยายน 2565 เพื่อให้ประชาชนใน 7 กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับบริการฉีดวัคซีนฯ สามารถเข้าถึงบริการวัคซีนฯ และได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมและทั่วถึง เพื่อช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ และมีความปลอดภัยจากโรคไข้หวัดใหญ่
“แม้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วก็ตาม รัฐบาลก็ยังคงขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอโดยเฉพาะเมื่อต้องออกจากบ้าน หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคน เพื่อช่วยป้องกันได้ทั้งโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย” นายอนุชากล่าว