
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 มิ.ย.2566 ที่ศาลาประชาคม จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับผู้ประกอบการที่นำผ้าไทย ผ้าย้อมครามจาก จ.สกลนคร มาจัดแสดงและจำหน่าย หลังพบว่ากระแสผ้าไทยได้รับกระแสความนิยมอีกครั้งภายหลังจาก “ลิซ่า แบล็กพิ้ง” สวมชุดไทย จนทำให้ยอดขายผ้าไทยขณะนี้พุ่งสูงขึ้น

น.ส.ระพาภรณ์ โสภาพ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านลานไทยสกลนคร กล่าวว่า ตั้งแต่ที่มีกระแสลิซ่าใส่ผ้าไทยออกมารู้สึกว่ามีคนมีกดไลค์ในเพจร้านเยอะขึ้นและการสั่งจองเยอะขึ้น ตั้งแต่มีกระแสลิซ่าซึ่งเป็นคนดังระดับโลกใส่ผ้าไทยพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และหันมาซื้อผ้าไทยกันเยอะขึ้นและกลับมาซื้อลายใหม่ๆ ซ้ำอีก

” ยอมรับว่าช่วงนี้ยอดขายดีขึ้นกว่าช่วงก่อนเยอะมาก ตอนนี้เริ่มมีลูกค้าถามมาว่าที่ร้านได้ทำลายผ้าให้เหมือนลิซ่าใส่บ้างหรือไม่ ซึ่งที่ร้านจะเป็นการทำมัดย้อม จึงต้องมีการออกแบบการมัดให้ออกมาในลายที่ลิซ่าสวมใส่มากที่สุด ซึ่งในอนาคตจะทำผ้าลายแบบที่ลิซ่าใส่เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป็นตัวเลือกในการซื้อเยอะขึ้นและจะเป็นการเพิ่มยอดขายในเราในอนาคต และหลังจากที่กระแสการสวมใส่ผ้าไทยมาแรงขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาสนับสนุนในด้านใด จึงขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการตลาดมีที่กระจายสินค้าให้กับคนที่ทำธุรกิจนี้และอยากให้เข้ามาเพิ่มเรื่องความคิดสร้างสรรค์ลายใหม่ๆ อยากให้เข้ามาพัฒนาลักษณะนี้มากกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสการสวมใส่ผ้าไทยกำลังมาแรง”

น.ส.ระพาภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า การที่คนมีชื่อเสียงระดับโลกอย่างลิซ่า มาสวมใส่ผ้าไทย จนคนทั่วโลกสนใจมาใส่ผ้าไทยเท่านั้น ซึ่งถึงเวลาที่คนมีชื่อเสียงในประเทศ เช่น นักแสดงอย่างณเดชน์-ญาญ่า ที่กำลังมีกระแสความรักเบ่งบาน หรือแม้กระทั่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย หากมาสวมใส่ผ้าย้อมครามก็จะทำให้คนหันมาสนใจเลือกซื้อผ้าไทย จากฝีมือคนไทยมากยิ่งขึ้น

“แค่เพียงจุดกระแสด้วยการถือไวน์ผลไม้จนขายดิบขายดีมาแล้ว อย่าลืมมาใส่ผ้ามัดย้อม ถือผ้ามัดย้อม เพราะไวน์ของชาวบ้านก็ถือว่าผ่านไปแล้วฝากมาถือผ้าไทย มาช่วยสวมใส่เสื้อผ้ามัดย้อม เพื่อจะได้เพิ่มยอดขายผู้ประกอบการจึงขอ ฝากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีมาช่วยชาวบ้านด้วย”






