นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มาตรการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศให้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ทางกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ต่อไป โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดูแล เนื่องจากในขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกอยู่ที่ 96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้กองทุนน้ำมันฯ สามารถเก็บเงินจากน้ำมันดีเซลได้ 1.72 บาทต่อลิตร มีเงินเหลือพอที่จะชดเชยระดับราคาน้ำมันดีเซลได้ แต่จะต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกสูงเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ก็จะพิจารณาระดับราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่การชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ปัจจุบันสามารถเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ 2.02 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 63 ล้านบาทต่อเดือน ยังสามารถที่จะตรึงราคาขาย LPG ภาคครัวเรือนที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงฤดูหนาวราคา LPG ในตลาดโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น แต่ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน คาดว่าราคา LPG จะลดลง
สำหรับการจ่ายคืนหนี้เงินกู้ของกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเริ่มมีการจ่ายคืนเงินต้น 139 ล้านบาท และจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 250-300 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการเตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเดือนธันวาคม ก็จะมีการจ่ายหนี้คืนในอัตราที่ใกล้เคียงกัน สำหรับปี 2568 จะต้องมีการจ่ายคืนหนี้เพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคม 2568 จะต้องจ่ายคืนหนี้ประมาณ 2,926 ล้านบาท ซึ่งต้องเตรียมบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมก็จะสามารถจ่ายคืนหนี้ได้ โดยควรจะมีเงินไหลเข้าเป็นบวกอย่างน้อย 500 ล้านบาทต่อเดือน ก็จะไม่มีปัญหาในการจ่ายคืนหนี้ ซึ่งประเมินว่าหากกองทุนน้ำมันฯ ยังมีสถานะเป็นบวกเหมือนในปัจจุบัน ที่มีเงินไหลเข้า 231 ล้านบาทต่อวัน หรือ 7,170 ล้านบาทต่อเดือน จะสามารถจ่ายชำระหนี้ได้ทั้งหมด 105,333 ล้านบาท ภายในเดือนกันยายน 2571
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ติดลบ 92,041 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 44,564 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,477 ล้านบาท
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ